Main Menu

หัวเทียนร้อนเย็น

เริ่มโดย geenee, สิงหาคม 13, 2014, 07:14:38 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 2 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

geenee

เคยสงสัยมั้ยครับว่าหัวเทียนร้อนเย็นมันต่างกันยังไง บ้างก็ว่าเย็นทนร้อนดีกว่า แต่วัตถุดิบก็ทังสแตนเหมือนกันมันจะทนร้อนดีกว่ายังไง จึงได้เริ่มทดสอบเลยครับ

1.ภาพลักษณะภายนอกเทียบใกล้ๆ หัวเทียนร้อนเคอาร์ ยาวกว่าหัวเทียนเย็นเยอะมากครับคือตรงตำแหน่งที่ว่าสูงคือจุดที่สปาร์คนะครับ
2.เซรามิกยื่นมาเยอะกว่าสำหรับหัวเทียนร้อน หัวเทียนเย็นอยู่ในๆหน่อย

ผลการทดสอบหัวเทียนร้อน เร่งไวมากครับ แล้วหลังจากนั้นหัวเทียนก็ละลายดับ - -* ร้อนจริงๆด้วย เข็มหัวเทียนหายไปเลย ทดสอบที่10000รอบความเร็วประมาณ140gps

หัวเทียนเย็นลากหมื่นรอบเป็นสิบโลก็ไม่ละลาย แต่รอรอบครับ ต่ำกว่า8000รอบแรงตก ที่เค้าเรียกพาว์เวอร์แบนหรือช่วงกำลังเท่านั้น

เป็นอันสรุปได้ว่าหัวเทียนร้อนมันก่อให้เกิดไฟแก่โดยไม่ต้องปรับลิ่มจานไฟหรือใช้กล่องแต่ง แต่ลากเยอะๆหัวเทียนลูกสูบละลายนะครับจะบอกให้ ;)

aoaaued


Nawapon666

รถเลือกหัวเทียน ไม่ใช่หัวเทียนเลือกรถ
แรงม้าที่เครื่อง หรือ แรงม้าลงพื้นถนน


ASENAL


KenJi





geenee

#5
ถ่ายมาให้ดูไม่ต้องเดาอิอิ ;)


คิดดูละกันครับจุดสปาร์คอยู่ใกล้ลูกสูบกว่า เวลาจุดระเบิดซึ่งหัวเทียนร้อนเย็นก็ระเบิดพร้อมกันแต่หัวเทียนร้อนใกล้ไอน้ำมันมากกว่ามันก็จุดติดไฟวาบเร็วกว่าก็เหมือนตั้งไฟแก่ในกล่องไฟหรือปรับลิ่มจานไฟนั่นเอง

Arm TZ

#6
เบอร์เดิมโรงงานครับ จบไร้ปัญหาใช้ได้ครอบคลุมทุกสภาวะ อยากได้ไฟแก่ไปปรับลิ่มเอาดีกว่าครับ เพราะลักษณะของหัวเทียนที่ใช้ผู้ผลิตเค้าคิดมาแล้วว่าต้องใช้หัวเทียนแบบไหน

ใช้รุ่นที่แกนเซรามิคสั้นหรือยาว ส่วนเบอร์ร้อนเย็นก็ +- 1 เบอร์ตามลักษณะการใช้งานกับภูมิอากาศ แกนเซรามิคสั้นหรือยาวไม่ได้บ่งบอกถึงหัวเทียนร้อนหรือเย็นนะ

เช่น BP8ES เป็นแกนเซรามิคยาว B8ES เป็นแกนสั้น แต่เบอร์ร้อนเย็น 8 เท่ากัน ผมเคยใช้ทั้งคู่ก็ไม่ได้ต่างกันเลย รอบต่ำๆก็พอๆกันแต่ตัวแกนยาวรอบสูงๆไปไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ี

สรุปตัวแกนยาววิ่งห่วยกว่า เพราะรถผมมันออกแบบมาให้ใช้แกนสั้นพอมาใช้แกนยาวมันก็ผิดลักษณะที่โรงงานออกแบบมา  ที่ท่านทดสอบน่ะถูกแล้ว

หัวเทียนร้อนเบอร์ 5 หัวเทียนเย็นเบอร์ 8 แต่ท่านสรุปมาผิดมุ่งมาที่แกนหัวเทียนแทนเบอร์ที่ใส่ ใส่หัวเทียนร้อนเข้าไปรอบต่ำก็ดีขึ้นเป็นธรรมดา

เพราะความร้อนมากพอในรอบต่ำทำให้กำลังเครื่องที่รอบต่ำดี แกนหัวหัวเทียนยาวมันไม่ได้ทำให้ไฟแก่ขึ้นหรอก แต่มีผลต่อตำแหน่งจุดวาบไฟในห้องเผาไหม้

สำหรับผมยึดเบอร์เดิมดีกว่า ลองมาหลายแบบแล้วมาจบที่เดิมๆ B9ES





ASENAL

อ้างจาก: Arm TZ เมื่อ กันยายน 25, 2014, 08:55:36 ก่อนเที่ยง
เบอร์เดิมโรงงานครับ จบไร้ปัญหาใช้ได้ครอบคลุมทุกสภาวะ อยากได้ไฟแก่ไปปรับลิ่มเอาดีกว่าครับ เพราะลักษณะของหัวเทียนที่ใช้ผู้ผลิตเค้าคิดมาแล้วว่าต้องใช้หัวเทียนแบบไหน

ใช้รุ่นที่แกนเซรามิคสั้นหรือยาว ส่วนเบอร์ร้อนเย็นก็ +- 1 เบอร์ตามลักษณะการใช้งานกับภูมิอากาศ แกนเซรามิคสั้นหรือยาวไม่ได้บ่งบอกถึงหัวเทียนร้อนหรือเย็นนะ

เช่น BP8ES เป็นแกนเซรามิคยาว B8ES เป็นแกนสั้น แต่เบอร์ร้อนเย็น 8 เท่ากัน ผมเคยใช้ทั้งคู่ก็ไม่ได้ต่างกันเลย รอบต่ำๆก็พอๆกันแต่ตัวแกนยาวรอบสูงๆไปไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ี

สรุปตัวแกนยาววิ่งห่วยกว่า เพราะรถผมมันออกแบบมาให้ใช้แกนสั้นพอมาใช้แกนยาวมันก็ผิดลักษณะที่โรงงานออกแบบมา  ที่ท่านทดสอบน่ะถูกแล้ว

หัวเทียนร้อนเบอร์ 5 หัวเทียนเย็นเบอร์ 8 แต่ท่านสรุปมาผิดมุ่งมาที่แกนหัวเทียนแทนเบอร์ที่ใส่ ใส่หัวเทียนร้อนเข้าไปรอบต่ำก็ดีขึ้นเป็นธรรมดา

เพราะความร้อนมากพอในรอบต่ำทำให้กำลังเครื่องที่รอบต่ำดี แกนหัวหัวเทียนยาวมันไม่ได้ทำให้ไฟแก่ขึ้นหรอก แต่มีผลต่อตำแหน่งจุดวาบไฟในห้องเผาไหม้

สำหรับผมยึดเบอร์เดิมดีกว่า ลองมาหลายแบบแล้วมาจบที่เดิมๆ B9ES






ตามนั้น รถเดิม

อะไรเดิมหมด ดีสุดครับ

อย่างว่าอายุรถเรา12-25 ปี กันทั้งนั้น

เปรียบเหมือนคนแก่ จะให้ไปวิ่ง มาราธอน

ถ้าไม่แน่จริง น็อค

wining11120

เพิ่มเติมนิดนึงครับ
คือ หัวเทียนเนี่ย หน้าที่หลักคือจ่ายประกายไฟ เพื่อจุดระเบิดส่วนผสม แต่มันมีหน้าที่รองลงมาคือ รักษาความร้อนครับ จึงเป็นที่มาของหัวเทียนร้อน-เย็น ถ้าถามว่ารักษาความร้อนอะไร ก็จะแบ่งเป็น2ส่วนครับ 1ความร้อนตัวมันเอง 2ความร้อนห้องเผาไหม้

1ความร้อนตัวมันเอง มันสำคัญที่ว่า ถ้าเลือกใช้หัวเทียนที่เย็นมาก ความร้อนสะสมหัวเทียนไม่พอที่จะกำจัดเขม่า จะนำพาซึ่งคำว่าหัวเทียนบอด ดังนั้น หัวเทียนเย็น ในรอบต่ำ กำลังจึงยังไม่หวือหวามาก แต่พอรอบจัดๆที่ความร้อนสูงๆ หัวเทียนมีความร้อนที่พอดี จะทำให้จุดระเบิดได้ดียิ่งขึ้น แต่กลับกัน ถ้าเป็นหัวเทียนร้อน ความร้อนสะสมในตัวมันจะสูง ทำให้สตาทติดง่าย กำลังดี แต่พอรอบจัดๆความร้อนห้องเผาไหม้เกินความจำเป็น ตัวมันเองก็ระบายความร้อนไม่ทัน เขี้ยวมันจึงละลาย ถ้าใน4จังหว่ะ บางทีอาจส่งผลกระทบถึงวาล์วด้วย

2ความร้อนห้องเผาไหม้ ในรถ4จังหว่ะถือว่าจำเป็นมาก เพราะถ้าเกินขึ้นมา หมายถึงการชิงจุดระเบิด แต่ในรถ2จังหวะยังโชคดีบ้างที่ท่อมีส่วนผลักดันไอดีกลับมาทำให้เย็นลง แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้ตัวมันเย็นได้ หัวเทียนมันจึงละลาย ความร้อนตัวนี้สำคัญที่มันจะทำให้ไอดีอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ดังนั้นพวกที่ปาดฝาไม่เป็นเยอะเกินไป แรงอัดมันสูงมาก แทนที่จะทำให้ไอดีพร้อมรอจุดระเบิด กลับกลายเป็นชิงจุดระเบิดเสียเอง

แล้วทำไมมันต้องรักษาความร้อน
ต้องว่ากันไปที่วัสดุที่ประกอบเป็นหัวเทียน ที่ผมจำได้ จะมีแกน ซึ่งทำจากวัสดุนำไฟฟ้า ฉนวน ก็จะมี กระเบื้อง ขึ้ั้วหรือเขี้ยว ปลอกเหล็ก ใยแก้ว แล้วทีนี้ความร้อนสำคัญ2ส่วน ส่วนแรก สำคัญที่ว่า ไอดีที่เข้ามามันเย็น มันยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน มันจึงมาเกาะๆตามเขี้ยว ทำให้บอด และ2ความต่างศักไฟฟ้าของวัสดุ ซึ่งก็คือการนำไฟฟ้านั่นเอง ซึ่งทองแดงหรือตะกั่วจะนำไฟฟ้าได้ดีแค่ความร้อนหนึ่งเท่านั้น แต่พอมันสูญเสียความร้อนไปก็ด้อยประสิทธิภาพในการนำไฟฟ้า ดังนั้นตัวเก็บความร้อนก็คือฉนวนนั่นเอง เก็บไว้เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการนำไฟฟ้าของแกน

ดังนั้น หัวเทียนเทพ จึงจำเป็นมากสำหรับรถแข่ง เพราะรอบที่เขาใช้นอกจากจะจัดแล้ว บางทีเวลาเข้าโค้งหรือออกจากโค้งก็ใช้รอบที่ต่างกันด้วย ดังนั้นคุณสมบัติของแกนที่ใช้ จะต้องยืดหยุ่น นอกจากนำไฟได้ดีทุกสภาวะความร้อนแล้ว ต้องรักษาความร้อนได้ด้วยแต่สำหรับรถบ้านแล้วไม่มีประโยชน์ครับ เห็นผลไม่ถึงวิ แต่สำหรับรถแข่ง ครึ่งวิหมายถึงแชมป์ครับ

ปล.ผิดพลาดประการใดขออภัยครับ ความรู้เก่าๆสมัยเรียน อาจมีลืมบ้างครับ
53/876 ม.3 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
083-1246108 ลี ครับ

เด็กชาย_โหน่ง_

อ้างจาก: wining11120 เมื่อ ตุลาคม 10, 2014, 03:53:58 ก่อนเที่ยง
เพิ่มเติมนิดนึงครับ
คือ หัวเทียนเนี่ย หน้าที่หลักคือจ่ายประกายไฟ เพื่อจุดระเบิดส่วนผสม แต่มันมีหน้าที่รองลงมาคือ รักษาความร้อนครับ จึงเป็นที่มาของหัวเทียนร้อน-เย็น ถ้าถามว่ารักษาความร้อนอะไร ก็จะแบ่งเป็น2ส่วนครับ 1ความร้อนตัวมันเอง 2ความร้อนห้องเผาไหม้

1ความร้อนตัวมันเอง มันสำคัญที่ว่า ถ้าเลือกใช้หัวเทียนที่เย็นมาก ความร้อนสะสมหัวเทียนไม่พอที่จะกำจัดเขม่า จะนำพาซึ่งคำว่าหัวเทียนบอด ดังนั้น หัวเทียนเย็น ในรอบต่ำ กำลังจึงยังไม่หวือหวามาก แต่พอรอบจัดๆที่ความร้อนสูงๆ หัวเทียนมีความร้อนที่พอดี จะทำให้จุดระเบิดได้ดียิ่งขึ้น แต่กลับกัน ถ้าเป็นหัวเทียนร้อน ความร้อนสะสมในตัวมันจะสูง ทำให้สตาทติดง่าย กำลังดี แต่พอรอบจัดๆความร้อนห้องเผาไหม้เกินความจำเป็น ตัวมันเองก็ระบายความร้อนไม่ทัน เขี้ยวมันจึงละลาย ถ้าใน4จังหว่ะ บางทีอาจส่งผลกระทบถึงวาล์วด้วย

2ความร้อนห้องเผาไหม้ ในรถ4จังหว่ะถือว่าจำเป็นมาก เพราะถ้าเกินขึ้นมา หมายถึงการชิงจุดระเบิด แต่ในรถ2จังหวะยังโชคดีบ้างที่ท่อมีส่วนผลักดันไอดีกลับมาทำให้เย็นลง แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้ตัวมันเย็นได้ หัวเทียนมันจึงละลาย ความร้อนตัวนี้สำคัญที่มันจะทำให้ไอดีอยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ดังนั้นพวกที่ปาดฝาไม่เป็นเยอะเกินไป แรงอัดมันสูงมาก แทนที่จะทำให้ไอดีพร้อมรอจุดระเบิด กลับกลายเป็นชิงจุดระเบิดเสียเอง

แล้วทำไมมันต้องรักษาความร้อน
ต้องว่ากันไปที่วัสดุที่ประกอบเป็นหัวเทียน ที่ผมจำได้ จะมีแกน ซึ่งทำจากวัสดุนำไฟฟ้า ฉนวน ก็จะมี กระเบื้อง ขึ้ั้วหรือเขี้ยว ปลอกเหล็ก ใยแก้ว แล้วทีนี้ความร้อนสำคัญ2ส่วน ส่วนแรก สำคัญที่ว่า ไอดีที่เข้ามามันเย็น มันยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน มันจึงมาเกาะๆตามเขี้ยว ทำให้บอด และ2ความต่างศักไฟฟ้าของวัสดุ ซึ่งก็คือการนำไฟฟ้านั่นเอง ซึ่งทองแดงหรือตะกั่วจะนำไฟฟ้าได้ดีแค่ความร้อนหนึ่งเท่านั้น แต่พอมันสูญเสียความร้อนไปก็ด้อยประสิทธิภาพในการนำไฟฟ้า ดังนั้นตัวเก็บความร้อนก็คือฉนวนนั่นเอง เก็บไว้เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการนำไฟฟ้าของแกน

ดังนั้น หัวเทียนเทพ จึงจำเป็นมากสำหรับรถแข่ง เพราะรอบที่เขาใช้นอกจากจะจัดแล้ว บางทีเวลาเข้าโค้งหรือออกจากโค้งก็ใช้รอบที่ต่างกันด้วย ดังนั้นคุณสมบัติของแกนที่ใช้ จะต้องยืดหยุ่น นอกจากนำไฟได้ดีทุกสภาวะความร้อนแล้ว ต้องรักษาความร้อนได้ด้วยแต่สำหรับรถบ้านแล้วไม่มีประโยชน์ครับ เห็นผลไม่ถึงวิ แต่สำหรับรถแข่ง ครึ่งวิหมายถึงแชมป์ครับ

ปล.ผิดพลาดประการใดขออภัยครับ ความรู้เก่าๆสมัยเรียน อาจมีลืมบ้างครับ

ถั่ว ต้วม มมมม

ตำแหน่ง ของจุดเริ่มต้นการเผาไหม้ ก็สำคัญนะครับ อิอิ

อย่าเรียกผมว่า"ช่าง"ผมไม่ใช่ "ช่าง"ผมไม่ชอบ
"จน" แล้วยังไม่"เจียม"เงินหน่ะมีน้อยใช้สอยให้คุ้มค่า ใช้ปัญญาให้เยอะ ๆ หวังว่าน่าจะได้"รถซิ่ง"ค่อนข้างดีซักคันเอาไว้คลุ้มคลั่ง บ้าพลังกับเขาบ้างก็พอ
"แรงตามเงิน"

wining11120

ช่ายครับพี่  อันนั้นเขาเรียกเวลาลามไฟ จะเขียนได้เป็นกราฟก้นหอยแบบที่ศูนย์บริการ และโรงเรียนช่างยนต์เขาสอนกัน

ตัวแปรจะประกอบด้วยความร้อนห้องเผาไหม้ ความร้อนหัวเทียน วัสดุ เชื้อเพลิง กำลังอัด และหัวลูกสูบ
ถ้าทุกอย่างบาล้านสมบูรณ์แบบฉบับวิศวะกร แรงระเบิดสูงสุดต้องเกิดหลังจากก้านหมุนเลยไปนิสนุง(จำไม่ได้กี่องศา) กำลังรถจะดี ขับง่าย บิดคล่อง แต่ก็นั่นแหละ ระดับช่างไทยปรับแก่ เอาแรง จนเติมน้ำมันธรรมดาไม่ได้ แรงอัดสำหรับ4จังหว่ะจำเป็นมาก สูงปรี้ด ทอร์คกระจาย ออกตัวแรงมากๆ แต่สำหรับ2จังหวะ ไม่เน้นแรงอัด(แรงอัดมันสร้างจากท่อได้ เดิมๆก้อปาตั้งเท่าไหร่และ) เลยไปเน้นที่รอบ ยิ่งแก่เท่าไหร่ รอบจัดมากๆ ไดอะแกรมไฟจะเลื่อนไปเรื่อยๆ จนอาจจะได้องษาไฟที่ดีที่สุดที่12000รอบยังมี และแน่นอน ถ้า12000รอบยังนิ่งๆ(ไฟนิ่ง น้ำมันเหลือ) จะทะลุไป14-15 นี่หวานกรอบมาก(ส่วนใหญ่ตายรังวัสดุ กับความร้อน ไม่ข้อขาด ก็ลูกติด)แต่ไม่ใช่ว่ารถเดิมๆทำแบบนั้นจะเทพ ก็ตามที่บอกครับ ตัวแปรอื่นๆ ลูกก้าน รับไหวไหม หัวลูกเป็นแบบใด องศาสควิชแบน  ขนาดพอร์ท รึแม้กระทั่งเกลียวหัวเทียน

ง่ายๆครับ ทฤษฏีเครื่องยนต์ คือเปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นพลังงานกล ใครๆก็รู้ รู้แค่นี้เป็นช่างได้ครับหาได้ริมถนน ทำแค่ปะยางถ่ายมันเครื่อง ลูกค้าน้อย
และถ้ารู้วิธีการนำความร้อนออกจากเครื่องยนต์ รู้ระดับนี้ ช่างอาวุโสแล้วครับ เจอได้ตามสนามแข่ง
แต่ถ้ารู้ขึ้นไปอีกว่า เครื่องยนต์ไม่ได้แค่เปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นกล แต่มันคือการรักษาความร้อนให้คงที่ทุกย่านความเร็ว อันนี้แหละครับ วิศวะ
ช่างในตำนานรึช่างเทพๆทำรถเก่งๆระดับแชมป์GP แดร็ก10วิ หน้ายาว7วิเขาจะรู้ดีครับ ร้อนไปพัง เย็นไปเน่า ต้องพอดีๆ
53/876 ม.3 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
083-1246108 ลี ครับ

Arm TZ

แรงระเบิดสูงสุดควรจะอยู่ที่ 18-24 องศา หลังศูนย์ตายบน ATDC  ครับ

เด็กชาย_โหน่ง_

อ้างจาก: wining11120 เมื่อ ตุลาคม 16, 2014, 01:05:00 ก่อนเที่ยง
ช่ายครับพี่  อันนั้นเขาเรียกเวลาลามไฟ จะเขียนได้เป็นกราฟก้นหอยแบบที่ศูนย์บริการ และโรงเรียนช่างยนต์เขาสอนกัน

ตัวแปรจะประกอบด้วยความร้อนห้องเผาไหม้ ความร้อนหัวเทียน วัสดุ เชื้อเพลิง กำลังอัด และหัวลูกสูบ
ถ้าทุกอย่างบาล้านสมบูรณ์แบบฉบับวิศวะกร แรงระเบิดสูงสุดต้องเกิดหลังจากก้านหมุนเลยไปนิสนุง(จำไม่ได้กี่องศา) กำลังรถจะดี ขับง่าย บิดคล่อง แต่ก็นั่นแหละ ระดับช่างไทยปรับแก่ เอาแรง จนเติมน้ำมันธรรมดาไม่ได้ แรงอัดสำหรับ4จังหว่ะจำเป็นมาก สูงปรี้ด ทอร์คกระจาย ออกตัวแรงมากๆ แต่สำหรับ2จังหวะ ไม่เน้นแรงอัด(แรงอัดมันสร้างจากท่อได้ เดิมๆก้อปาตั้งเท่าไหร่และ) เลยไปเน้นที่รอบ ยิ่งแก่เท่าไหร่ รอบจัดมากๆ ไดอะแกรมไฟจะเลื่อนไปเรื่อยๆ จนอาจจะได้องษาไฟที่ดีที่สุดที่12000รอบยังมี และแน่นอน ถ้า12000รอบยังนิ่งๆ(ไฟนิ่ง น้ำมันเหลือ) จะทะลุไป14-15 นี่หวานกรอบมาก(ส่วนใหญ่ตายรังวัสดุ กับความร้อน ไม่ข้อขาด ก็ลูกติด)แต่ไม่ใช่ว่ารถเดิมๆทำแบบนั้นจะเทพ ก็ตามที่บอกครับ ตัวแปรอื่นๆ ลูกก้าน รับไหวไหม หัวลูกเป็นแบบใด องศาสควิชแบน  ขนาดพอร์ท รึแม้กระทั่งเกลียวหัวเทียน

ง่ายๆครับ ทฤษฏีเครื่องยนต์ คือเปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นพลังงานกล ใครๆก็รู้ รู้แค่นี้เป็นช่างได้ครับหาได้ริมถนน ทำแค่ปะยางถ่ายมันเครื่อง ลูกค้าน้อย
และถ้ารู้วิธีการนำความร้อนออกจากเครื่องยนต์ รู้ระดับนี้ ช่างอาวุโสแล้วครับ เจอได้ตามสนามแข่ง
แต่ถ้ารู้ขึ้นไปอีกว่า เครื่องยนต์ไม่ได้แค่เปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นกล แต่มันคือการรักษาความร้อนให้คงที่ทุกย่านความเร็ว อันนี้แหละครับ วิศวะ
ช่างในตำนานรึช่างเทพๆทำรถเก่งๆระดับแชมป์GP แดร็ก10วิ หน้ายาว7วิเขาจะรู้ดีครับ ร้อนไปพัง เย็นไปเน่า ต้องพอดีๆ

คนนี้ เก่งนะครับ นี่

กำลังพูดถึง ภาษาชาวบ้าน คือ เผาแล้วได้แรงดันสูง หลังศูนย์ตายบน กี่องศา

อุปมาเหมือนถีบจักรยาน ออกแรงถีบตั้งแต่ ตรงไหน ถึงตรงไหน

ประเด็นการรักษาความร้อนค่าหนึ่งๆ ให้คงที ยอมรับว่าแค่ รู้สึกตะหงิดๆครับ คิดไม่ออกว่า จะจำกัดความเข้าใจของตัวเอง ยังไง แต่พอท่านพูดมา พอจะตีกรอบได้พอสมควรละครับ ขอบคุณหลายๆ

ครั้งนึง แอบไปอบรม เรื่องพื้นฐานเครื่องยนต์สันดาปภายใน อาจารย์แกบอกประมาณว่า ทุกๆวันนี้เราพยายามทำให้เครื่องยนต์ศูนย์เสียพลังงานที่ได้จากการเผาไหม้ ไปกับส่วนอื่นๆ ลดน้อยลง (ผมจะตัวเลขแน่นอน ไม่ได้) ยกตัวอย่างเช่น เผาได้ 100 แต่สูญเสียไปกับส่วนอื่น 50 เปอร์เซน และถูกเอามาเปลี่ยนเป็นพลังงานกล แค่ ไม่ถึง 50 เปอรืเซนต์

ราวๆ นั้น

ซึ่งเทคโนโลยี หลายๆ อย่าง ที่ผู้ผลิตหลายๆ ยี่ห้อ พยายามโว ว่า ตัวเองคิดขึ้นก่อนนั้น ๆ จะถูก เอามาหลอก ผู้บริโภค เสมอ หรือทำให้เราเข้าใจ เรื่องได้ถูกต้องแค่ครึ่งเดียว

อีกเรื่องครับ ท่านตัดเกรดของช่าง สูงเกินไปนิดครับ อาจจะมองว่าผม ดูถูก คนชาติเดียวกันเองนะ แต่ มันเป็นเรื่องที่ผมมองได้เห็นอย่างนั้น

ทฤษฏีเครื่องยนต์ คือเปลี่ยนพลังงานความร้อนเป็นพลังงานกล ใครๆก็รู้ รู้แค่นี้เป็นช่างได้ครับหาได้ริมถนน ทำแค่ปะยางถ่ายมันเครื่อง ลูกค้าน้อย
-สำหรับผม ผมคิดว่า กลุ่มคนพวกนี้ จะอยู่ตามศูนย์บริการ รอวันไป เปิดร้านเป็นของตัวเองมากกว่า

เพราะเท่าที่ผมเจอ ร้านทั่วไป ย้ำว่าร้านทั่วไป รับงานง่ายๆ ได้ตังเร็ว บางร้านไม่ทราบด้วยซ้ำไป ว่า คาร์บูเรเตอร์ ทำงานยังไง รู้แค่ว่า น้ำมันเดินไฟมา สตาร์ทติด ผมเจอแบบนั้น จริงๆ

จะว่าโม้ก็ได้ จนเพื่อนรุ่นพี่ที่เปิดร้านแถวๆ บ้านผมแก เอ่ยปากชมกันหน้าด้านๆว่า ย่านนี้ เอ็งไม่ได้เปิดร้าน แต่เก่งสุดแล้ว

ถ้าเปรียบ กับ อาหารก็ ร้านตามสั่ง ทั่วๆไป แดกกันตายไปวันๆ

ท่านเชื่อไหมว่า ร้านดังๆ ระแวกที่ผมสิงๆ อยู่นี่ บางร้าน รถโคตรเยอะ ลูกมาไม่ขาดสาย แต่บุคคลากรในร้าน ไม่รู้เรื่องอะไร เลยก็มีนะครับ ระดับที่ว่า จะอัดนอตให้แน่นยังจับประแจปากตาย หน่ะครับ

ส่วนช่างระดับสูง กว่านั้น ไม่ค่อยจะได้พบ ได้เห็น หรือ อาจจะมีตัวตน แต่คนเข้าไม่ถึงตัว หรือ อาจจะเข้าถึงแล้ว แต่เจอคำถามงี่เง้า เหมือนที่เกจิในวงการรถยนต์ พูดว่า คุณไม่น่าตั้งคำถามแบบนี้กะผมเลยนะ คุณควร จะไปเตรียมตัวให้ดีก่อนตั้งคำถาม เพราะคำถามจะเป็นตัวบอกว่า คุณรู้จริง รู้มากแค่ไหน

พอเจอคำถาม แบบนี้ เขาก็จะไม่ตอบ หรือ ตอบก็ดันไม่ตรงใจ กลายเป็นบุคคลที่ใครๆ ก็ไม่เชื่อ เพราะหาว่าแมร่งโม้ ปากไม่ดี

ก็ว่ากันไป

ช่างเก่งๆ ระดับนี้ ก็ จะเหมือน ร้านอาหารอร่อยๆ ที่ เจ้าของเป็นพ่อครัวเอง ซึ่ง อร่อยมากหรือ น้อยก็จะขึ้นอยู่กับคนกิน

ส่วนช่างที่เก่งขึ้นมาอีก ถ่ายทอดเป็น แต่มักจะถ่ายทอดเฉพาะคนที่ รับความรู้ได้ หมายถึง เก่งถึงขนาดเลือกได้ว่า ลูกศิษย์คนนีง เอ็งจะเก็บความรู้ได้มากแค่ไหน และต้องสอนยังไง ลูกศิษย์คนนี้จะบรรลุเคล็ดวิชาได้ถึงขั้นไหน

จริงๆ แล้ว ช่างเลเวลนี้ อาจจะ เก่งระดับเดียวกับ เลเวลก่อนก็ได้ นะ เพียงแต่ว่า ขั้นกว่าตรงที่ถ่ายทอดเป็น

ผมเจอคนนึงครับ อิอิ

ช่างเลเวลนี้ก็ เปรียบคล้ายๆ ร้านอาหารอร่อยๆ มีลูกมือ คนหรือ สองคน แล้วก็ลูกมือคนไหน ทำก็อร่อย เหมือนๆกัน หมายถึง ต่อให้เจ้าของร้าน ไปธุระ คนหิวมาก็ได้กินรสชาติที่คุ้นเคย

ช่างเลเวลสุดท้าย มหาเทพครับ

เก่งทุกอย่าง ทั้งถ่ายทอด วิเคราะห์ พัฒนา ครบเครื่อง ........

ถ้าเปรียบก็ พวกเชฟ ค่าตัวแพงๆ อาหารอร่อย มีเอกลักษณ์ ทำได้ดีทุกๆอย่าง แต่เราไม่เคยรู้เลยว่าเชฟเทพๆ หน้าตาเป็นไง

อย่าเรียกผมว่า"ช่าง"ผมไม่ใช่ "ช่าง"ผมไม่ชอบ
"จน" แล้วยังไม่"เจียม"เงินหน่ะมีน้อยใช้สอยให้คุ้มค่า ใช้ปัญญาให้เยอะ ๆ หวังว่าน่าจะได้"รถซิ่ง"ค่อนข้างดีซักคันเอาไว้คลุ้มคลั่ง บ้าพลังกับเขาบ้างก็พอ
"แรงตามเงิน"

wining11120

5555 ช่างประเภทนี้เจอเหมือนกันครับพี่ บางทีขับมาก็ดีๆ ทำพัง ต่อหน้า ยังมีหน้ามาเรียกค่าอะไหล่ใหม่อีก แล้วประเภทนี้เยอะซะด้วย เจอทีเซ็งครับ

ส่วนนึงต้องบอกว่า ผมเองไม่เก่งครับ เป็นแค่ความรู้พื้นฐานหาจากตำราทั่วไป จริงมั่ง โม้มั่ง ชอบมากครับแบบเอา2แบบมาวัดกัน ทดลองกัน สมัยเรียนชอบคำนวน ชอบเสียงเครื่อง แต่ปฏิบัติเน่ามากครับ555เป็นคนสมาธิสั้นน่ะครับ เช่น รู้นะครับ เกียร์ส่งกำลังยังไง แต่ถ้าให้ทำทีไร ตายรังตอนใส่ก้ามปูกระปุกเกียร์ทุกที ทุกวันนี้ก็ตามนั้นครับ ยังใส่ไม่ได้ตามเคย555

ที่พี่พูดถูกเผงเลยครับที่เครื่องเสียความร้อน ความร้อนคือการเผาไหม้ที่ได้จากการสันดาป ที่เขาบอกเสียความร้อนคือเสียกำลังที่ควรจะได้จริงๆจากแรงระเบิดนั่นแหละครับ ตัวแปรมีเยอะมาก กระบอกสูบ ลูกสูบ แหวนลูกสูบ ลูกปืนเครื่อง แคม กระเดื่อง ขนาดวาล์ว ช่องพอร์ท หัวลูกสูบ เยอะแยะ ไม่เว้นแม้กระทั่ง คลื่นไอเสีย ทั้งหมดที่ว่าล้วนทำให้เครื่องเสียกำลังที่แท้จริงไป ใช้หลักการระเบิดอะครับ ยิ่งเปลือกหุ้มเก็บแรงได้ดีเท่าไหร่ ความรุนแรงยิ่งสูง คล้ายๆแหวนเก็บแรงได้ดีแค่ไหน ส่วนที่เหลือต้องกำจัดความฝืดให้หมด

ดังนั้นขอสรุปวกกลับหัวเทียน หัวเทียนชั้นยอด ทำให้จ่ายไฟได้แม่นยำ เป็นผลให้ประหยัด ขับง่าย แรงบิดดี ถนอมเครื่อง แค่ที่ว่านี่ เห็นผลน้อยมากครับ แต่ก็สัมผัสได้ อย่างน้อยๆ ถ้าผิดเบอร์ ไม่ละลาย ก็บอดอะครับ โดยรวม มันจะมีตัวเก็บประจุครับ อันนี้ดี ผลชัดกว่าหัวเทียนแพลทตินัมเยอะครับ (ทดสอบรถใหญ่นะครับ มอไซไม่แน่ใจ)
53/876 ม.3 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
083-1246108 ลี ครับ

เด็กชาย_โหน่ง_

เลือกชิ้นส่วนให้ถูกต้อง อุปมาเหมือนปรุงอาหารให้ถูกใจคนกิน แต่มันดันมีเงื่อนไข อีกนิด

ลิ้นคนกิน เจ๋งแค่ไหน

อย่าเรียกผมว่า"ช่าง"ผมไม่ใช่ "ช่าง"ผมไม่ชอบ
"จน" แล้วยังไม่"เจียม"เงินหน่ะมีน้อยใช้สอยให้คุ้มค่า ใช้ปัญญาให้เยอะ ๆ หวังว่าน่าจะได้"รถซิ่ง"ค่อนข้างดีซักคันเอาไว้คลุ้มคลั่ง บ้าพลังกับเขาบ้างก็พอ
"แรงตามเงิน"

geenee

#15
ถ้าเปรียบเทียบเทียบเกี่ยวกับพ่อครัว ผมนี้เหมือนเป็นนักชิมครับทำเองไม่ได้เรื่อง แต่เข้าใจว่าพ่อครัวใช้อะไรบ้างขาดอะไรตรงไหน ทำเองทำได้บ้างแต่ขี้เกียจบ้าง นักชิมนี้ดีตรงได้เจอกับพ่อครัวหลากหลาย เลยได้มุมมองใหม่ๆเพิ่มสิ่งที่ขาด

ผมชอบประเด็นเรื่องรักษาความร้อนคงที่ทุกย่านรอบ ซึ่งทำได้นี้เจ๋งจริงๆ เนื่องจากเมื่อรอบสูงๆมันระบายความร้อนไม่ทันคาบระเบิดมันสั้น ซึ่งข้อจำกัดนี้ถ้าผ่านไปได้แรงม้าต้องเพิ่มแน่นอน

แต่เรื่องหัวเทียนผมขอยืนยันได้ครับว่ามันทำให้ไฟแก่จริงๆ เพราะเสี้ยววินาทีที่ระเบิดเร็วกว่านิดหน่อยเมื่ออยู่ที่10000รอบมันจะเห็นชัดครับ

ไฟแก่ไม่ได้จูนแค่กล่อง ลิ่มจานไฟ มัดไฟ ล้อแม่เหล็ก อย่างเดียว หัวเทียนก็มีส่วนครับ ทดลองใช้เบอร์9กับเบอร์8ก็ต่างละครับ เรื่ององศาไฟจุดระเบิดนี้ก็เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน จังหวะจุดระเบิดเพี้ยนไปแค่เสี้ยววินาทีก็เกิดแรงต่างกันละครับถ้าเป็นรถที่รอบสูงๆ ตัวอย่างฟอมูล่าวัน 20000รอบ น้ำมันประเภทไหนจะจุดระเบิดได้ไวพอที่รอบสูงขนาดนั้น ต้องตั้งไฟอย่างไร อิเล็กทรอนิคล้วนๆเลยทีเดียว

wining11120

ส่วนตัวผมนะพี่ มองแล้วว่า ระบบไฟเป็นเรื่องตายตัว ปรับปรุงมากไม่ได้ แต่ช่างไทยชอบปรับปรุงที่สุด เพราะมันเห็นผลที่สุด ระบบไฟก็คล้ายกับดาบ2คม ทำช่วงนึงดี ก็เสียอีกช่วงไป ถ้าเจอช่างบอก แก่มากๆๆ จะดีทุกช่วง อันนี้พลาดละครับ มันแตกต่างจากพวกอัดเครื่องเน้นๆ ลูกฟอจ ก้านฟอจ แบบนี้ จะซิ่งก็ทน จะขับสบายก็ท๊นทน พอไปโมระบบไฟมากๆเข้า ถ้าอุปกรณ์ไม่ให้ ก็ตามมาด้วยเครื่องกระจาย
ส่วนระบบไฟแบบที่พี่ว่าก็ถูกครับ แต่ผมเห็นหนักไปทางที่ว่า อิเล็กทรอนิกยนต์น้อยมาก จังหว่ะเรียกได้ว่า ของตาย100%มาจากล้อแม่เหล็ก ผมเลยให้หนักไปที่การใช้วัสดุมากกว่า
ส่วนน้ำมันนี่ จำไม่ผิด ทีมแข่งจะผสมเองมั้งครับ เครื่องแต่ละตัว จุดวาบไฟไม่เท่ากัน กำลังไม่เท่ากัน ความร้อนไม่เท่ากัน ก็ผสมน้ำมันให้เข้ากับเครื่อง  มั้งครับ อันนี้ลืม อิอิ

ถ้าเปรียบอาหาร ระบบไฟก็คล้าย พริกอะครับ ใส่เพียวๆแย่ใส่เยอะก็เผ็ดร้อน มันส์ แซ่บ นัว สุดท้ายก็ไปนั่งบ่นในส้วมบ้าง ร.พ.บ้าง
ส่วนชิ้นวัสดุ นี่คล้ายกับ น้ำตาล น้ำปลา พริกน้ำส้ม จะไปล้ำอยู่จุดเดียวก็ใช่ที่ ชิ้นอื่นก็รอพัง ต้องใส่แต่พอดี เอาแค่รสอร่อยถูกใจ :(
53/876 ม.3 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120
083-1246108 ลี ครับ

เด็กชาย_โหน่ง_

ผมว่านะ ก่อนจะพยายามเข้าใจ ว่า เบอร์หัวเทียนทำให้ไฟแก่ได้จริงๆ หรือไม่

ผมว่า จขกท. นิยาม คำว่าไฟแก่ ไฟอ่อน ไฟแรง ให้ได้ก่อนครับ

ชิงๆ นะ

โหน่งครับ

อย่าเรียกผมว่า"ช่าง"ผมไม่ใช่ "ช่าง"ผมไม่ชอบ
"จน" แล้วยังไม่"เจียม"เงินหน่ะมีน้อยใช้สอยให้คุ้มค่า ใช้ปัญญาให้เยอะ ๆ หวังว่าน่าจะได้"รถซิ่ง"ค่อนข้างดีซักคันเอาไว้คลุ้มคลั่ง บ้าพลังกับเขาบ้างก็พอ
"แรงตามเงิน"