ถามเรื่อง จูนอากาศครับ

[PegasO]

ผมขอแชร์ความรู้สึกนะครับ หลังจากหมุนจูนอยู่ทุกวัน เพราะลองไล่เบอร์นมหนูดู

การจูนสกรู มันส่งผลกับรอบปลายพอสมควรเลย ถ้าคลายออกมากไป ถึงรอบต้นจะได้

แต่รอบปลายจะมาช้า ขึ้นเหนื่อยๆ และเครื่องจะดูสั่นมาก ซึ่งอาจเรียกว่าบางเกินไป

แต่ถ้าหมุนเข้ามากไป รอบต้นอาจมีความหนาสักหน่อย แต่รอบปลายก็จะขึ้นติดมือ

เครื่องจะไม่สั่นมาก แต่อาจจะเร่งไม่ค่อยออก ถึงอาจสำลักได้ หรือเรียกว่าหนาไป

ตอนผมจูน ผมจะลองรอบปลายด้วย สักประมาณ 7000 - 10000 รอบครับ

ผิดถูกขออภัยครับ ผมจูนตามความรู้สึก

[aoaaued]

ผมขอแชร์ความรู้สึกนะครับ หลังจากหมุนจูนอยู่ทุกวัน เพราะลองไล่เบอร์นมหนูดู

การจูนสกรู มันส่งผลกับรอบปลายพอสมควรเลย ถ้าคลายออกมากไป ถึงรอบต้นจะได้

แต่รอบปลายจะมาช้า ขึ้นเหนื่อยๆ และเครื่องจะดูสั่นมาก ซึ่งอาจเรียกว่าบางเกินไป

แต่ถ้าหมุนเข้ามากไป รอบต้นอาจมีความหนาสักหน่อย แต่รอบปลายก็จะขึ้นติดมือ

เครื่องจะไม่สั่นมาก แต่อาจจะเร่งไม่ค่อยออก ถึงอาจสำลักได้ หรือเรียกว่าหนาไป

ตอนผมจูน ผมจะลองรอบปลายด้วย สักประมาณ 7000 - 10000 รอบครับ

ผิดถูกขออภัยครับ ผมจูนตามความรู้สึก

ที่กล่าวมาน่ะ ลองวิ่งจริง หรือเร่งเครื่องเปล่าๆครับ

[maxybobby]

เป็นอะไรที่เข้าใจยากพอสมควร

[somchai_p]

การจูนอากาศในคาร์บูแบบ PE  เป็นการปรับส่วนผสมระหว่างอากาศกับน้ำมัน  ซึ่งความต้องการอยู่ที่ 14:1 ( อากาศ14ส่วนต่อน้ำมัน1ส่วน ตามทฤษฎี ) แต่ความเป็นจริงทำไม่ได้เนื่องจากองค์ประกอบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง  สำหรับ NSR อยู่ที่ประมาณ 13.4:1   การปรับอากาศมีผลต่อรอบเครื่องยนต์ที่รอบประมาณ 600 - 2000 รอบต่อนาทีเท่านั้น
     การปรับที่ได้ผลดีที่สุดต้องมีการเตรียมการก่อนครับ    ตรวจสอบความสมบูรณ์ของหัวเทียน   ล้างคาร์บูให้สะอาด  ตรวจสอบสายระบายต่างๆ อย่าให้สกปรกหรืออุดตัน
     ต้องรอบเครื่องยน์ไว้ประมาณ 1800 - 2000 รอบต่อนาทีก่อนปรับ
     หมุนสกรูอากาศเข้าไปจนสุดเอาแค่พอตึงมือ  แล้วคลายออกมา 1 รอบก่อน  เอาสีหรือดินสอทำเครื่องหมายไว้ก่อน
     หมุนสกรูอากาศเข้าหรืออกเพื่อหาจุดที่เครื่องยนต์รอบขึ้นสูงสุด  ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2 นาที จากนั้นค่อยปรับรอบเดินเบาลงมาที่ 1300 รอบต่อนาที  หรือบางท่านอาจปรับให้อยู่ในช่วงที่รถมีอาการสั่นน้อยที่สุดตอนจอดอยู่ในรอบเดินเบา   ลองดูนะครับ

[Atturob]

ตามประสมการณ์ที่เจอน่ะครับ อาจไม่ถูกหลักการ Nproเคยสูบติดเพราะซัด140และกินออโต้ลูปน้อยแต่เสื้อมีรอยนิดเดียว เลยเปลี่ยนลูก+แหวนแท้ไปก็สตาร์ทติดเหมือนเดิม เลยปรับสกรูอากาศออกมาเกือบ2รอบกว่า รอบจะสูงถึง4000-5000ตอนสตาร์ทตอนเช้าๆอากาศเย็นต้องปรับสกรูเดินเบาลง แต่ดูสีหัวเทียนสีพอสวย แต่วานซืนลองจูนให้สตาร์ทตอนเช้ารอบปกติดูเลยจูนอากาศให้ออกมาเพียงรอบเดียว วันต่อมาลองสตาร์ทดู สตาร์ทติดง่ายรอบก็ 1400 +- ลบเท่านั้นก็เลยคิดว่าพอดีแล้วเลยยไม่ได้เปิดหัวเทียน เท่านั้นแหละเย็นเมื่อวานซัดมา 120 รอบ 9000-10000 ซักพักวูบแล้วก็ดับไปเลยปล่อยไหลเข้าข้างทาง สตาร์ทยังไงก็ไม่ติดไม่มีแรงอัดเลยต้องเอากระบะมายกกลับบ้าน เมื้อกี้ถอดหัวเทียนออกดู หัวเทียนใกล้ละลายเลยครับ ทั้งๆที่ก่อนปรับอากาศ หัวเทียนสียังสวยดี ผมว่าเจ้าตัวนี้น่าจะมีส่วนไม่มากก็น้อยครับ ผิดถูกยังไงขออภัยด้วยครับ ปล.นมหนูทุกอย่าง เดิมๆหมดครับ

[smash756]

แวะมา มึนๆ เพราะไม่เคนจูนเองเลยครับ แต่ก็อยากจะศึกษา

[phoneone]

มาหาเก็บความรู้ครับ

[Tong_2T_150]

ถ้าจะขอยกตัวอย่างในกรณีที่ลงเนินชันๆ ใช้เอนจิ้นเบรคชะลอความเร็วใว้ รอบเครื่องอยู่ที่6000-7000ร/น
หรือ กรณีในสนาม การเชนจ์เกียร์ลงก่อนเข้าโค้ง รอบเครื่องพุ่งปรี๊ด!8-9พันรอบ
คันเร่งยกหมด เข็มเร่งปิดทางเดินน้ำมันของเมนเจ็ท นมหนูเดินเบาจะไม่มีบทบาทเลยหรือ?

[nai.b]

ถ้ามีอุปกรณืที่ทำให้สกรูจูนอากาศสามารถหมุนแปรผันกับการเร่งและรอบเครื่องได้ ก็คงจะจูนกันได้แบบแรง ๆ และเนียน ๆ กันทุกรอบ
มันก็เลยเป็นที่มาของระบบหัวฉีด. ผมว่านะ

[nai.b]

ผมเคยใช้เทน่าตัวเก่า. ซื้อต่อเค้ามาในสภาพเน่า ๆ ลูกโต แล้วหาเสื้อเดิม ๆ มาใส่  ตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว คับ. คาร์บูเดิม แต่มีการแต่งที่เข็มเร่งช่วงกลางจนถึงปลายจะเรียวแหลมมาก. แต่การเร่งเนียนทุกรอบเลยคับ ไม่มีสะดุดช่วงต่อระหว่างรอบกลางไปรอบสูงเลยแม้แต่น้อย และตอนนี้มันก็สาบสูญไปแล้วเรียบร้อย. มันคงจะยากมากถ้ามานั่งเกลาเข็มเร่งให้ได้ความโตที่เหมาะสมในทุกรอบ ทุกการเร่ง เพราะส่วนผสมตามทฤษฎี 14.7:1 คือเผาไหม้ได้ดสมบูรณ์สุด และจะได้ H2O หรือน้ำออกปลายท่อ (ซึ่งไม่เคยเห็นเลยในรถ 2t) และถ้าเร่งเพื่อให้ได้กำลัง ส่วนผสมมันจะหนากว่านั้น. ในคาร์บู คงทำได้ยากถ้าจะทำให้สมบูรณ์สุด ๆ. สุดท้ายก็ต้องได้อย่างเสียอย่าง