ข้อแตกต่างของเสื้อ KRR,KR,SER

[bangboyban]

เห็นมันมีเสื้อหลายแบบ หลายรหัสผมก้อจำไม่ได้ว่ารหัสอะไรยากถามผุ้รู้ว่าแต่ล่ะรหัสแตกต่างกันอย่างไร
แล้วอันไหนนิยมเอามาทำแรง เพราะผมได้ KR ใบพัดมาตัวนึง ไม่มีกล่อง

[SIRI]

 :(นี่มันเรื่องมหากาพย์เลยนะนี่...

[geenee]

น่าจะต่างกันในเรื่องแรงรอบต้นและกลาง แต่ปลายไม่ต่างเท่าไรเพราะดูแรงม้าไล่ๆกัน 30-34แรงม้า ถ้าต่างจริงๆก็pdk 39แรงม้าแต่เสื้ออย่างเดียวมันแรงขึ้นไม่มากหรอก คาร์บู น้ำหนักรถ รอบเครื่องที่ไปถึง ท่อโล่งท้องใหญ่ อื่นๆมากมาย

[bangboyban]

รอบคำตอบจากกูรูท่านอื่นอีกครับยังไม่กระจาง

[GtozA]

 :(

[เรามันเสื้อตึก]

ต้องลองเองครับ ถึงจะรู้ว่าเสื้อตัวไหนดี เพราบางคนขี่ไม่เหมือนกัน แต่ถ้าเอามาโมไม่ต้องสืบเลยครับ แรงได้ทุกเสื้อเพราะมันมีเปิดเสื้อยกเสื้อ เสื้อตัวนั้นมันไม่จำเป็นแล้วครับว่าเป็นหรัสไหน แต่ก็อย่างที่พี่ด้านบนเค้าว่ามาครับ จะแรงเพราะเสื้ออย่างเดียวไม่ได้หรอกครับ มันขึ้นอยู่กับอย่างอื่นด้วย

ส่วนตัวผม ผมชอบ 1779ครับ เพราะมันประหยัดไม่เน้นแรงขี่เรื่อยๆ อีกอย่างครับ เสื้อKR-SER มันก็คล้ายกันอะครับ มันต่างกันแค่ หรัสเท่านั้นแหละ ไปละ  :o :o :o :o

[cache]

เห็นมันมีเสื้อหลายแบบ หลายรหัสผมก้อจำไม่ได้ว่ารหัสอะไรยากถามผุ้รู้ว่าแต่ล่ะรหัสแตกต่างกันอย่างไร
แล้วอันไหนนิยมเอามาทำแรง เพราะผมได้ KR ใบพัดมาตัวนึง ไม่มีกล่อง

เอ่อ...ลองไปอ่านกระทู้นี้ดูนะครับ ลุงFranesae เค้าให้ข้อมูลไว้พอสมควร  ???

http://www.2strokeclub.com/smf/index.php/topic,120136.0.html

[cache]

น่าจะต่างกันในเรื่องแรงรอบต้นและกลาง แต่ปลายไม่ต่างเท่าไรเพราะดูแรงม้าไล่ๆกัน 30-34แรงม้า ถ้าต่างจริงๆก็pdk 39แรงม้าแต่เสื้ออย่างเดียวมันแรงขึ้นไม่มากหรอก คาร์บู น้ำหนักรถ รอบเครื่องที่ไปถึง ท่อโล่งท้องใหญ่ อื่นๆมากมาย

เห็นด้วยกับที่...ลุงgeenee ให้ความเห็นครับ ว่า...

ต้องลงในรายละเอียดอื่นๆเพิ่มอีก ไม่ใช่แค่.. เสื้อสูบ อย่างเดียวครับ


ออกตัวก่อนว่า... ไม่ใช่ กูรู และไม่ได้เป็นแฟนพันธ์แท้ Kawa นะครับ

เพียงแค่... เคยเห็นข้อมูลผ่านๆตา มาบ้าง  พอจะจำมาเล่าสู่กันฟัง ขำๆ ได้น่ะครับ


ตย. ความแตกต่างของเสื้อ 1779 กับ 1878 (~1855)ก็คือ...

ช่องพอร์ทไอเสีย 1878 จะใหญ่กว่า จบ !! 555


เพราะ..เราพูดกันแค่เสื้อสูบอย่างเดียว

แต่..จริงๆ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ) เสื้อรหัสปีหลังๆ มันก็ต้องมีการปรัปปรุง แก้จุดด้อยบางอย่างจากรุ่นก่อน

รึ.. อาจจะต้องปรัปให้มีเรี่ยวแรงดีขึ้นอีกนิด เพื่อรับมือกับ มาตราฐานไอเสียที่เข้มข้น ของสมัยนั้นด้วยน่ะครับ

(ก็..โดนทั้ง แคท ทั้งระบบบำบัดไอเสีย ตอนม้านี่ครับ  ยุดนั้น..ผุ้ผลิตยิ่งแข่งกันเรื่องแรงโม้ด้วย)


ท่าน เรามันเสื้อตึก  จึงมายืนยันว่า... "1779 มันประหยัด" เพราะ...คายน้อย ก็กินน้อย ไงครับ



แต่เมื่อเรามองลงไปในรายละเอียดอื่นๆอีก เช่น.. ข้อเหวี่ยง

(รูปของตระกูล kawa นะครับ แต่ผมจำแนกรุ่นไม่แม่น ว่าอยู่ในรถรุ่นไหนนะครับ)


ถ้าหน้าตาแบบนี้...  ก็จะดีในแง่ อัตตราเร่ง




ถ้าหน้าตาแบบนี้...  ก็จะดีในเรื่องTop Speed (หมุนได้ Smooth กว่า  และ vibration น้อยกว่า)




แหวนลูกสูบ ก็... มีหนา-บาง ต่างกันอีก


อย่างฝาสูบ คาวายังมีทั้งรุ่น เสื้อ-ฝา เงินและทอง

เช่นรุ่น 1855 ผมจำได้เลาๆว่า... ต่างกันที่ความจุของฝาสูบ สีทองจะน้อยกว่าสีเงิน (แสดงว่า แรงอัดในห้องเผาไหม้ ทองสูงกว่าเงิน)

นี่..ยังมีคาร์บู และ ระบบไฟอีก 

เหล่านี้.. คือตัวแปรของสมรรถนะ ที่จะทำให้รถวิ่ง แตกต่างกันครับ


ปล. เคยฉุกคิดคิดไหมครับ? ว่า...

รุ่นแรงสุดของ คาวา คือ... PDK R1 (รวมถึง สายพันธ์ SE)

ที่เห็นเอามา บิวท์ กันใหม่หมดเป็นแสนๆ (เปลี่ยน เสื้อ ,ลูก, ฝา) น่ะ


ไม่ได้แรง ตามเจตณารมย์ ของคุณ ปิติ มโนมัยพิบูลย์

แบบที่ออกมาจากโรงงาน เมื่อ 17 ปีที่แล้วหรอกนะครับ


เดี๋ยว..ว่างๆ จะมาโม้ให้ฟังต่อครับ ???

[ASENAL]

^^^^^^^^^

+1 ครับ แม่นยำดี

[boonchu]

น่าจะต่างกันในเรื่องแรงรอบต้นและกลาง แต่ปลายไม่ต่างเท่าไรเพราะดูแรงม้าไล่ๆกัน 30-34แรงม้า ถ้าต่างจริงๆก็pdk 39แรงม้าแต่เสื้ออย่างเดียวมันแรงขึ้นไม่มากหรอก คาร์บู น้ำหนักรถ รอบเครื่องที่ไปถึง ท่อโล่งท้องใหญ่ อื่นๆมากมาย

เห็นด้วยกับที่...ลุงgeenee ให้ความเห็นครับ ว่า...

ต้องลงในรายละเอียดอื่นๆเพิ่มอีก ไม่ใช่แค่.. เสื้อสูบ อย่างเดียวครับ


ออกตัวก่อนว่า... ไม่ใช่ กูรู และไม่ได้เป็นแฟนพันธ์แท้ Kawa นะครับ

เพียงแค่... เคยเห็นข้อมูลผ่านๆตา มาบ้าง  พอจะจำมาเล่าสู่กันฟัง ขำๆ ได้น่ะครับ


ตย. ความแตกต่างของเสื้อ 1779 กับ 1878 (~1855)ก็คือ...

ช่องพอร์ทไอเสีย 1878 จะใหญ่กว่า จบ !! 555


เพราะ..เราพูดกันแค่เสื้อสูบอย่างเดียว

แต่..จริงๆ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ) เสื้อรหัสปีหลังๆ มันก็ต้องมีการปรัปปรุง แก้จุดด้อยบางอย่างจากรุ่นก่อน

รึ.. อาจจะต้องปรัปให้มีเรี่ยวแรงดีขึ้นอีกนิด เพื่อรับมือกับ มาตราฐานไอเสียที่เข้มข้น ของสมัยนั้นด้วยน่ะครับ

(ก็..โดนทั้ง แคท ทั้งระบบบำบัดไอเสีย ตอนม้านี่ครับ  ยุดนั้น..ผุ้ผลิตยิ่งแข่งกันเรื่องแรงโม้ด้วย)


ท่าน เรามันเสื้อตึก  จึงมายืนยันว่า... "1779 มันประหยัด" เพราะ...คายน้อย ก็กินน้อย ไงครับ



แต่เมื่อเรามองลงไปในรายละเอียดอื่นๆอีก เช่น.. ข้อเหวี่ยง

(รูปของตระกูล kawa นะครับ แต่ผมจำแนกรุ่นไม่แม่น ว่าอยู่ในรถรุ่นไหนนะครับ)


ถ้าหน้าตาแบบนี้...  ก็จะดีในแง่ อัตตราเร่ง




ถ้าหน้าตาแบบนี้...  ก็จะดีในเรื่องTop Speed (หมุนได้ Smooth กว่า  และ vibration น้อยกว่า)




แหวนลูกสูบ ก็... มีหนา-บาง ต่างกันอีก


อย่างฝาสูบ คาวายังมีทั้งรุ่น เสื้อ-ฝา เงินและทอง

เช่นรุ่น 1855 ผมจำได้เลาๆว่า... ต่างกันที่ความจุของฝาสูบ สีทองจะน้อยกว่าสีเงิน (แสดงว่า แรงอัดในห้องเผาไหม้ ทองสูงกว่าเงิน)

นี่..ยังมีคาร์บู และ ระบบไฟอีก 

เหล่านี้.. คือตัวแปรของสมรรถนะ ที่จะทำให้รถวิ่ง แตกต่างกันครับ


ปล. เคยฉุกคิดคิดไหมครับ? ว่า...

รุ่นแรงสุดของ คาวา คือ... PDK R1 (รวมถึง สายพันธ์ SE)

ที่เห็นเอามา บิวท์ กันใหม่หมดเป็นแสนๆ (เปลี่ยน เสื้อ ,ลูก, ฝา) น่ะ


ไม่ได้แรง ตามเจตณารมย์ ของคุณ ปิติ มโนมัยพิบูลย์

แบบที่ออกมาจากโรงงาน เมื่อ 17 ปีที่แล้วหรอกนะครับ


เดี๋ยว..ว่างๆ จะมาโม้ให้ฟังต่อครับ ???

เล่าได้น่าฟัง+1ครับ

[geenee]

เล่าต่อก็ดีครับ เดียวค้างคานะ ;)

[เรามันเสื้อตึก]

ท่าน cache +1 ให้เลยครับ ขอโม้ต่ออีกนิดแล้วกันครับ

รถผมเมื่อก่อน เป็น 1779 ตีปลอกลูกSTD ครับ แล้วลูกปืนปลายก้านมันแตกครับ ผมก็เลยมาเปลี่ยนเป็น ทอง1724 ไม่ปลอก ลืมไซร์อิอิ บอกได้เลยนะครับว่าเสื้อสองตัวนี้ต่างกันมากครับ ทั้งความประหยัด ทั้งเรื่องของการขี่ครับ

1779 ตีนต้นมาดีมากเลยครับ ปลายก็แผ่วๆแต่ก็ไม่ตกมาก สเตอร์ 14-40 428H ยางหน้า 80/90 17" หลัง 100/80 18" หมดปลอกได้ 170+นิดๆ รอบตกอยู่ที่ 10000 พอดี

1724 ทองนั้น ตีนต้นไม่เท่าไรครับ แต่ปลายเอาเรื่องอยู่เหมือนกันครับครับ แต่มันดันวิ่งได้ 150 พอดีเลย ทุกอย่างเดิมหมดเลยเปลี่ยนแค่เสื้อกับลูก แต่รอบเหลือ 8**** คันเร่งก็ยังเหลือ แต่มันบิดไม่ไปแล้วมันหมดแค่นั้นจริงๆ

ก็เลยติดใจ 1779 มาจนถึงทุกวันนี้ ส่วน 18** ต่างๆไม่ต้องไปพูดถึงเลยครับ ไม่ผิดหวังครับ ถ้าจะเอาแบบเดิมๆแรงๆ ไปละ  :o :o :o :o :o

[cache]

เล่าต่อก็ดีครับ เดียวค้างคานะ ;)

ขออนุญาติมาโม้ต่อครับ... ???


ถ้า...ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้สาย Kawa

ในความคิดผม ตัวที่ผมจะ Focus ก็...จะเป็น KRR SE (รึ...SER SE)
ไม่ขอพูดถึง PDK R1นะครับ เพราะของมีน้อย และราคาโด่งเกินจำเป็นไป (จริงๆ สู้ราคาไม่ไหว :-[)





ซึ่ง... ถ้าเน้นแนวเรซซิ่ง เฟรมของ KR จะได้เปรียบกว่า R1

เพราะ.. ระยะเทรล และความยาวฐานล้อที่สั้นกว่า จะทำให้การพลิกโค้งของ KR ง่ายกว่า R1 นั่นเอง

KR



R1


 
แต่...เหตุผลที่ PDK เลือกพื้นฐานSER มาทำ R1   น่าจะมาจากการที่ซับเฟรมท้ายSER ถอดได้

การตบแต่งเรื่อง นน.  จะทำได้ง่ายกว่าการเอาเฟรม KR มาปรัปปรุงน่ะครับ


ส่วน..รุ่นปีหลังจากนี้ มาตราฐานไอเสียเริ่มเข้มขึ้นแล้ว

ความแรง ก็ลดน้อยลงไปครับ


คือ...ผมเคยคุยกับ ลุงช่าง ที่เคยแต่งเสื้อให้ทีมKawa ยุคที่ คุณปิติ คุมKawa อยู่

แกบอกว่า... "คุณปิติ แกบ้าพลัง อะไรที่ปรัปแต่งจากสนามแล้วเห็นผล แกก็อยากจะเอาไปยัดลงในรถตลาด"

แกว่า...คาวา ยุคคุณปิติ ละลายงบไปกะการแข่งมหาศาล เสื้อสูบเบิกมายำ กันเป็นเข่งๆ

150 ตระกูลคาวา เลยมีเสื้อสูบมากมาย หลายรหัส  มาจาก..การนำข้อมูลจากการแข่งมาปรัปใส่ในรถโปรดักส์ชั่นด้วย 



และ...ผลพวงเรื่อง ความบ้าพลัง ของคุณปิติ   เราก็...เลยได้เห็น KRR SE ที่มีแรงโม้ 40ม้า โผล่ออกมาไงครับ

ผู้ผลิตว่า...ทำแค่ 1,000 คัน ถ่ายทอดความแรงมาจากรถ พี่ปรีชา เบอร์8 ขวัญใจสาวกคาวา ซ๊ะด้วย !!





Cr. ภาพ พี่เปิ้ล สติ๊กเกอร์


ส่วน... ปล. ที่ผมทิ้งท้ายไว้ในโพตส์ก่อน

เรื่องสมรรถนะของรถ "รถเทพ" ที่เพื่อนๆ นำมาบิ้วท์ใหม่กันนั้น (SE รวมถึง R1)


นักปั้นทุกท่าน ก็จะสรรหาอะไหล่ เสื้อ-ฝา ,ลูก ฯลฯ  ใหม่ๆ มาใส่เพื่อให้รถกลับมาฟิต-มีพลัง

แต่สิ่งนึงที่ผมเห็นคือ... ไม่ค่อยมีใครเอาเสื้อ และบางชิ้นที่ควรปรัปแต่งด้วย เช่น วาวล์ไอเสีย

ไปทำตามProfile  เหมือนเสื้อติดรถ ที่ผ่านการปรัปแต่งมาจากโรงงานแล้วน่ะครับ


ส่วนใหญ่คงเข้าใจว่า... พอเบิกเสื้อใหม่ยัดลงไป ก็ต้องแรง  แต่...ที่จริงโรงงานเอาพื้นฐานของชิ้นงาน

จากสายการผลิตปกติ ไปแต่งพอร์ท และอื่นๆ เพื่อเรียกม้าขึ้นมา


ลองนึกดูนะครับว่า... งาน แมสโปรดักส์ชั่น จะลงทุนผลิตชิ้นงานอะไหล่ เพื่อรถรองรับรถแค่ พันคัน รึครับ !!

ตะกูล SE ความแรงก็จะมากจาก...การนำเสื้อพื้นฐานในไลน์มาปรัปแต่งนั่นเอง

ในส่วนระบบไฟ ผมไม่ทราบข้อมูลว่าผู้ผลิตเล่นอะไร กับระบบไฟบ้างนะครับ (คงต้องมีการปรัปองศาไฟบ้างหล่ะ)


ฉะนั้น... การปั้นรถแบบที่บางคนทำอยู่ (ความเห็นส่วนตัวนะครับ)

ก็อาจจะ...ได้ความสดขึ้น   แต่..ขาดความแรงแบบ SE รึ R1 แท้ๆ ไปน่ะครับ



ถึงบรรทัดนี้ เสื้อเก่าๆ ติดรถ (SE ,R1) คงมีคุณค่าขึ้นมาบ้างนะครับ



ผมว่า...สายKawa โชคดีนะครับ 

ที่.. คุณปิติ แกทำแนวทางปรัปแต่งสมรรถนะไว้ให้แล้ว (กรณีที่เราไม่ใช่ตระกลู SE รึ..อยากสุดๆ ก็ลอกแบบ R1 ไปเลย)

สาวกKawa สามารถเดิมตามแบบ ที่แกกรุยทางไว้ได้ โดยที่ไม่ต้องไปลองผิด-ลองถูก เดาเอาเองน่ะครับ





ในด้านอัตตราทดเกียร์ เท่าที่เห็น ก็จะเหมือนกันแทบทุกรุ่นของ 150 kawa  จะไปต่างก็ที่อัตตราทดขั้นสุดท้าย ที่สเตอร์(รึ...ขอบล้อ อย่างR1)

KR


R1



ดังนั้น.. ขาแรงทั้งหลายก็ลองวางแนวทางกันดูครับ(ขี่ยาก ต้องเล่นรอบซักหน่อย)

ส่วนผมแก่แล้ว ขอขี่แบบชิลๆ ดีกว่า :'(


จบข่าว..... ???


ปล. ว่างๆ จะมาโม้เรื่อง KISP รวมถึงหลักการของฝา KISP ที่มีระบบบำบัดไอเสีย

(รวมถึงระบบ HSAS) ให้ฟังต่อ  เพราะ... มีบางคนเข้าใจว่า มัันเหมือนระบบ EGR แบบรถอีซูซุ !! หุหุ...

[geenee]

ค้างคาอีกแล้ว ;) ความรู้จริงๆครับท่าน เล่าถึงอดีตแล้วสงสารรถเก่า เน้นรถใหม่ซีซีเยอะๆแพงๆแรงๆ ผมว่ารถบ้านเราวิ่ง140gpsก็คุมรถยากแล้วครับเอาวิ่งถึง200gpsเลยคงได้นอนเฝ้าถนนแน่ๆอิอิ ว่าแต่เรื่องวาล์วมีต่อมั้ยครับอิอิ

ว่าแต่รูปนี้ใครครับไม่น่าจะสาวกคาวานะ ;)

[taned4951]

เก็บความรู้ขอบคุณครับ