วิธีการปรับจูนคาบูที่ถูกต้อง
-วิธีการปรับรอบเดินเบา
-อีกบทความที่ผมจะนำเสนอครับ วิธีการปรับรอบเดินเบา มีผลดีอย่างไร ทำอย่างไร
-ผลดีที่ได้จากการปรับรอบเดินเบา ดีที่สุดหลักๆเลย คือทำให้รถคุณไม่ดับ ตอนจอดรอไฟแดงโดยไม่ต้องเลี้ยงคันเร่ง(ภาษาช่าง เบาไม่ดับ) และข้อดี ที่ลึกลงไปอีก คือ ประหยัดน้ำมัน อัตราเร่งที่ดี ข้อดีมีอย่างนี้แล้วทำยังไง
-วิธีทำไม่ยากอย่างที่คิดครับ แต่ยากกว่าที่คิดไว้เยอะ..เลยครับ 55
- ก่อนอื่นท่านต้องรู้จัก สกรูปรับรอบเดินเบา(Throttle Stop Screw) , สกูรปรับอากาศ (Air Screw)
-และต้องเข้าใจ คำว่ารอบเครื่อง อธิบายได้ด้วยหูของเราครับ รอบเครื่องยนต์ต่ำ เสียงท่อไอเสีย ดังเบาๆตอนรถติดเครื่องเฉยๆไม่ได้เร่ง (ตุ๊บ..ตุ๊บ...)
-ส่วน รอบเครื่องยนต์สูง เสียงท่อไอเสีย ดังแรงๆตอนติดเครื่องและเร่งเครื่องยนต์ แอน..แอท..แอท... แอ่นนนน น้าน...เข้าใจกันทุกคนแล้วใช้ไหมครับ
-ที่นี้รอบเครื่องยนต์เค้านับเป็นรอบต่อนาที(Revolutions Per Minute) โดยปกติรอบเดินเบาของรถมอเตอร์ไซค์โซ่ อยู่ที่ 1200-1500 รอบต่อนาที(RPM) ส่วนรถมอเตอร์ออโตเมติก อยู่ที่ 1600-1800 รอบต่อนาที(RPM)เผื่อให้สูงไว้สำหรับครัชแรงเหวี่ยงตอนออกตัว
-รู้จักอุปกรณ์แล้ว ลงมือทำโดยการ ขันสกรูอากาศเข้าสุด แล้วคลายออกมารอบครึ่ง (1.5 รอบ) สตาร์ทเครื่องขันสกรูรอบเดินเบาเข้าไปให้รอบเครื่องมากกว่ารอบเเดินเบาสัก เท่าตัว(ประมาณ 3000 รอบต่อนาที) ฟังเสียงไว้จำเสียงไว้
-แล้วทีนี้ค่อยๆคลายสกรูอากาศออกทีละ1/8รอบ(บิดไขควงทีละนิด) แล้วเสียงเปลี่ยนเป็นดังขึ้น(เครื่องยนต์ครางดังขึ้นแสดงว่ารอบเครื่องสูง ขึ้น) คลายสกรูอากาศต่อไปอีกจนเครื่องยนต์ ครางเบาลง ให้ท่านขันสกรูกลับไปที่เดิมที่เครื่องยนต์ครางดังที่สุด
-เสร็จแล้วคลายสกรูปรับรอบเดินเบาออกมาให้เครื่องยนต์เดินเบาอยู่ที 1400 รอบต่อนาทีโดยประมาณสำหรับรถโซ่ และ 1800 รอบต่อนาทีสำหรับรถออโตเมติก เสร็จแล้วครับการปรับรอบเดินเบาง่ายไหมครับ
**ทีนี้อธิบายนะครับว่า
1.ทำไมต้องปรับรอบเครื่องมาที่ 3000 รอบต่อนาทีก่อน จึงค่อยปรับสกูรอากาศออก
คำตอบคือ ตอนรอบเครื่องกลางๆค่อนไปทางสูงแบบนี้ น้ำมันเชื้อเพลิงจะเดินมาที่นมหนูหลัก แทนช่องบายพาส จึงเหมาะมากที่เราจะปรับอากาศให้เพียงพอกับน้ำมันตอนที่รถเราวิ่งด้วยความ เร็วสูง
2.แล้วทำไมต้องปรับสกรูอากาศออกไปเรื่อยๆจนได้รอบเครื่องสูงที่สุดจึงหยุด
คำตอบคือ เมือรอบเครื่องสูงน้ำมันถูกดูดมาทางนมหนูหลัก อากาศที่เราคลายไว้รอบครึ่ง(1.5รอบ) ไม่เพียงพอสำหรับน้ำมันที่ถูกดูดออกมาอย่างมากมาย เราจึงต้องเปิดให้อากาศเข้าไปผสมให้เพียงพอ และเมื่อคลายสกรูออกไปเรื่อยๆอากาศมันก็เข้ามากเกินไป(ส่วนผสมบาง) ทำให้รอบเครื่องจึงตกลง เราจึงต้องขันสกรูกลับมาตรงจุดที่เคยได้รอบเครื่องสูงที่สุดแล้วหยุดอยู่ตรง นั้น (ตรงนั้นเป็นตำแหน่งเปิดอากาศที่ดีที่สุดสำหรับเครื่องยนต์เครื่องนั้น)
-ที่นี้กระจ่างกันหมดแล้วใช้ไหมครับ ว่าแล้วก็ไปซื้อไขควงจูนมาลองกับรถตัวเองก่อนเลย 55 ถ้าจะปรับเอาจริงๆ ท่านอย่าลืมล้างคาบูฯ เป่าไส้กรองอากาศ หรือเปลี่ยนไส้กรองใหม่นะครับ สิ่งเหล่านี้มีผลกับการปรับด้วยนะครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการปรับจูน วันนี้ลากันเท่านี้ครับ สวัสดี
-ขอขอบคุณ
-แหล่งข้อมูล ubonmotorcyc
ขอบคุณหลายๆที่นำเสนอ...เก็บข้อมูล
ขอบคุณมากครับผม
อ่านแล้วโอนใจตรงคำว่า "เครื่องยนต์ครางงง อ่ะครับ " ;)
เยี่ยมมากครับ
+1ไป
get จริงๆ
1/8 คือกี่รอบอะครับ โชว์โง่ อิอิ
แล้วถ้าขันออกจนเครื่องคางสูงขึ้นและขันออกไปเรื่อยๆแต่ทำไมรอบมันไม่ตกอะครับจนจะ 4 รอบแล้วเนี่ย
ปล.คาร์บูจูนได้นะครับขันเข้าสุดดับกระอักน้ำมันด้วย
เข้ามาเก็บข้อมูลคับ.
ความรู้มาแล้ว ...
ขอบคุณครับบบ ความรู้แน่น เลยยย ^^
ลองจูนคาร์บูเรเตอร์วิธีนี้แล้วครับ แต่ผลปรากฏว่า
เครื่องร้อนจะเข็มวัดความร้อนขึ้นมาอยู่เกือบขีดสุดท้ายของมาตรวัดความร้อน ทั้งๆที่วิ่งอยู่ที่ 130 km/k แต่ยังไม่ถึงขีดแดง
เลยต้องกลับมาตั้งที่ 1 1/2 รอบเหมือนเดิมครับ
ปล.ผมปาดฝาสูบออก 0.7 มิลนะ :(
ผมวัดเสียง ห้าพันรอบ
ข้อมูลดีๆครับ
ต้องลองครับ
ผมลองมาแล้ว หึหึ
ท่านที่ลองจูนแล้วได้ผลเป็นงัยมาแชร์ด้วยนะคับ
+1 ไปเลยครับ
NOVA-S เสื้อ,ฝา,ลูก,แหวน,ท่อ รถสเปคเดิม STD ทั้งหมด ผมทดลองปรับโดยวิธีนี้ ก็ ok ครับ
มันจะไปไกล้เคียงกับคู่มือของเขาที่ให้ตั้งสกรูปรับอากาศที่ 1 7/8 จากตำแหน่งที่ปิดสุด
เวลาตั้งควรใช้พัดลมบ้านไปจ่อด้วยครับ
เเจ่ม เลย ผม คนนึง จูนบู บ่เป็น อิอิ ต้อง จำเเล้วนำไปใช้
อ้างจาก: น้าชล คนท่องเที่ยว เมื่อ ตุลาคม 05, 2012, 02:40:50 หลังเที่ยง
ลองจูนคาร์บูเรเตอร์วิธีนี้แล้วครับ แต่ผลปรากฏว่า
เครื่องร้อนจะเข็มวัดความร้อนขึ้นมาอยู่เกือบขีดสุดท้ายของมาตรวัดความร้อน ทั้งๆที่วิ่งอยู่ที่ 130 km/k แต่ยังไม่ถึงขีดแดง
เลยต้องกลับมาตั้งที่ 1 1/2 รอบเหมือนเดิมครับ
''งง''
ปล.ผมปาดฝาสูบออก 0.7 มิลนะ :(
:-* ''งงครับ'' :)
ความรู้ดีอยู่นี่ไง
ขขอบคุณครับ จะลองดูครับ
ขอบคุณครับ
http://www.youtube.com/watch?v=nqL-T7ilaQ4 (http://www.youtube.com/watch?v=nqL-T7ilaQ4)
ดีมากครับ ขอบคุณที่นำมาเผยแพร่ +1 แรงให้ครับ
เข้ามาดมจ้า
กระจ่าง+1ครับ
กระทู้นี้มีสาระมาก +1 ให้เลย เยี่ยม
ครบสมบูรณ์ทุกอย่างเลยครับคลิปนี้ หายากๆ น่าโหลดไว้สอนคนรุ่นหลัง
วีธีนี้ใช้มาตั้งแต่ใช้ Beat - R
แต่ตอนนี้น้ำมันมีหลาย E
ปรับตามน้ำมันที่เราเติม
อ้างจาก: ASENAL เมื่อ กุมภาพันธ์ 17, 2014, 10:11:52 หลังเที่ยง
วีธีนี้ใช้มาตั้งแต่ใช้ Beat - R
แต่ตอนนี้น้ำมันมีหลาย E
ปรับตามน้ำมันที่เราเติม
เห็นด้วยครับ
เข้ามาดุน
แล้วถ้ามีใครซักคนพูดว่า ก่อนจะเรียนวิชาจูนคาร์บู ต้องรู้เรื่องวิธีการทำเครื่องให้สมบูรณ์ก่อน แล้วการปรับจูนคาร์บูเรเตอร์จะกลายเป็นขนม หล่ะครับ
แล้วถ้าใครซักคนนั้น พูดต่ออีกว่า ต่อให้จูนเนอร์ไขควงทองคำ มาจูนรถที่ตัวเองไม่ทราบข้อมูลการปรับแต่งใดๆ เลย เวลาทีเสียไปจะมากกว่า เครื่องยนต์ที่ปรับทำมากับมือ หรือ อาจจะบัดซบถึงขนาด ทิ้งเครื่องเป็นตัวๆเลยทีเดียวเชียว
ปล.ผมจำเขามาโม้
อ้างจาก: เด็กชาย_โหน่ง_ เมื่อ กุมภาพันธ์ 18, 2014, 03:58:17 หลังเที่ยง
แล้วถ้ามีใครซักคนพูดว่า ก่อนจะเรียนวิชาจูนคาร์บู ต้องรู้เรื่องวิธีการทำเครื่องให้สมบูรณ์ก่อน แล้วการปรับจูนคาร์บูเรเตอร์จะกลายเป็นขนม หล่ะครับ
แล้วถ้าใครซักคนนั้น พูดต่ออีกว่า ต่อให้จูนเนอร์ไขควงทองคำ มาจูนรถที่ตัวเองไม่ทราบข้อมูลการปรับแต่งใดๆ เลย เวลาทีเสียไปจะมากกว่า เครื่องยนต์ที่ปรับทำมากับมือ หรือ อาจจะบัดซบถึงขนาด ทิ้งเครื่องเป็นตัวๆเลยทีเดียวเชียว
ปล.ผมจำเขามาโม้
คงไม่มีใครที่มีความคิดเห็นต่าง ออกมาพูดออกมาแสดงความคิดเห็นร๊อก เพราะคนในเวปเราใจกว้างๆมีน้อยครับ ออกมาพูดก็เหนือยเปล่า (พูดไป สองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง) อิอิอิ
อ้างจาก: aoaaued เมื่อ กุมภาพันธ์ 21, 2014, 08:53:50 ก่อนเที่ยง
อ้างจาก: เด็กชาย_โหน่ง_ เมื่อ กุมภาพันธ์ 18, 2014, 03:58:17 หลังเที่ยง
แล้วถ้ามีใครซักคนพูดว่า ก่อนจะเรียนวิชาจูนคาร์บู ต้องรู้เรื่องวิธีการทำเครื่องให้สมบูรณ์ก่อน แล้วการปรับจูนคาร์บูเรเตอร์จะกลายเป็นขนม หล่ะครับ
แล้วถ้าใครซักคนนั้น พูดต่ออีกว่า ต่อให้จูนเนอร์ไขควงทองคำ มาจูนรถที่ตัวเองไม่ทราบข้อมูลการปรับแต่งใดๆ เลย เวลาทีเสียไปจะมากกว่า เครื่องยนต์ที่ปรับทำมากับมือ หรือ อาจจะบัดซบถึงขนาด ทิ้งเครื่องเป็นตัวๆเลยทีเดียวเชียว
ปล.ผมจำเขามาโม้
คงไม่มีใครที่มีความคิดเห็นต่าง ออกมาพูดออกมาแสดงความคิดเห็นร๊อก เพราะคนในเวปเราใจกว้างๆมีน้อยครับ ออกมาพูดก็เหนือยเปล่า (พูดไป สองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง) อิอิอิ
ไม่รู้สิครับ มาหลังๆ สังคมเวปเริ่มขาดมาม่า โดยเฉพาะมาม่าใส่สาหร่ายอุดมไปด้วยสาระ ผมจำได้คุ้นๆว่า ผมเองก็เคยมาม่ากับท่านเหมือนกัน นะ เรื่องไรไม่รู้
เอางี้ครับผมเล่ากรณีศึกษาให้อ่านสนุกๆ ดีกว่า รถกากๆ ของผมนี่แหล่ะครับ ครั้งกระโน้นตอนที่ไปแรดที่โบนันซ่า บอกตรงๆ ถ้าเทียบกับตอนนี้ เครื่องตอนนั้น ห่วยกว่าตอนนี้ลิบลับ
ห่วย ห่วยยังไง ท่อนล่างรายละเอียด เกือบเหมือนเดิมครับ หรือง่ายๆ ของเดิมแท้ศูนย์ทั้งตัว เปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใหม่ เปลี่ยนวิธีการประกอบเครื่องใหม่ เปลี่ยนค่าจำกัดใดๆในเครื่องยนต์ใหม่
หรือง่ายๆ ก็ ใส่ใจในรายละเอียดสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะ รายละเอียด ที่ชอบลืมๆ กันนั่นแหล่ะ
แล้วผลที่ได้คืออะไร เครื่องยนต์ยนต์ทั้งระบบ ที่เปลี่ยนเข้า มีแค่ คาร์บูเรเตอร์ เสื้อสูบตัวใหม่ ใบหรีด แค่นั้น
นอกนั้น ท่อ ระบบจุดระเบิด อื่นๆ เหมือนเดิม
อ่อ ลูกเล็กกว่าเดิมด้วยนะ จาก 58 มิล เหลือ 56 (ลูกเดิมไซส์ 1.00)
ผมไม่รู้แหล่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ที่แน่ๆ แดกน้ำมันมากกว่าเดิม
ตอนงานโบนันซ่า ผมใช้คาร์บู เอ็นตากลม 26 มิล นมหนู ราวๆ 132 ไม่เกินนั้น
ตอนนี้ เคเหลี่ยม 30 มิล (ติดรถ SE92) นมหนู เกิน 152 และมีทีท่าว่า เหมือนจะไม่พอเสียด้วย
กรณีศึกษาสำคัญ อีกอย่างคือ เคเหลี่ยมลูกล่าสุด ที่ใส่นั้น แทบ ไม่ต้องทำอะไรเลย งงไหมครับ ใส่ปุ๊บก็ดูดไหวปั๊บ แทบไม่ต้องปรับก็วิ่งได้ดี
มันก็เลยมีคำถามกลับมาหาตัวเองว่า ก่อนหน้านี้ผม ทำอะไรอยู่ ทำแต่เสื้อ ท่อนล่างไม่ทำ จูนแล้ว แก้แล้ว รถไม่วิ่ง วิ่งไม่ดี ทุกอย่างดูไม่สัมพันธ์กัน
ผมบอกได้ราวๆ นี้แหล่ะ ส่วนใครจะได้อะไรมากน้อย ก็อยู่ที่พื้นฐานของท่านแหล่ะครับ จะเอาไปประยุกต์ต่ออย่างไร ก็ สุดแต่ใจจะใฝ่ฟ้า ฮาาาาา
โหน่งครับ
อ้างจาก: เด็กชาย_โหน่ง_ เมื่อ กุมภาพันธ์ 21, 2014, 09:38:07 ก่อนเที่ยง
อ้างจาก: aoaaued เมื่อ กุมภาพันธ์ 21, 2014, 08:53:50 ก่อนเที่ยง
อ้างจาก: เด็กชาย_โหน่ง_ เมื่อ กุมภาพันธ์ 18, 2014, 03:58:17 หลังเที่ยง
แล้วถ้ามีใครซักคนพูดว่า ก่อนจะเรียนวิชาจูนคาร์บู ต้องรู้เรื่องวิธีการทำเครื่องให้สมบูรณ์ก่อน แล้วการปรับจูนคาร์บูเรเตอร์จะกลายเป็นขนม หล่ะครับ
แล้วถ้าใครซักคนนั้น พูดต่ออีกว่า ต่อให้จูนเนอร์ไขควงทองคำ มาจูนรถที่ตัวเองไม่ทราบข้อมูลการปรับแต่งใดๆ เลย เวลาทีเสียไปจะมากกว่า เครื่องยนต์ที่ปรับทำมากับมือ หรือ อาจจะบัดซบถึงขนาด ทิ้งเครื่องเป็นตัวๆเลยทีเดียวเชียว
ปล.ผมจำเขามาโม้
คงไม่มีใครที่มีความคิดเห็นต่าง ออกมาพูดออกมาแสดงความคิดเห็นร๊อก เพราะคนในเวปเราใจกว้างๆมีน้อยครับ ออกมาพูดก็เหนือยเปล่า (พูดไป สองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง) อิอิอิ
ไม่รู้สิครับ มาหลังๆ สังคมเวปเริ่มขาดมาม่า โดยเฉพาะมาม่าใส่สาหร่ายอุดมไปด้วยสาระ ผมจำได้คุ้นๆว่า ผมเองก็เคยมาม่ากับท่านเหมือนกัน นะ เรื่องไรไม่รู้
เอางี้ครับผมเล่ากรณีศึกษาให้อ่านสนุกๆ ดีกว่า รถกากๆ ของผมนี่แหล่ะครับ ครั้งกระโน้นตอนที่ไปแรดที่โบนันซ่า บอกตรงๆ ถ้าเทียบกับตอนนี้ เครื่องตอนนั้น ห่วยกว่าตอนนี้ลิบลับ
ห่วย ห่วยยังไง ท่อนล่างรายละเอียด เกือบเหมือนเดิมครับ หรือง่ายๆ ของเดิมแท้ศูนย์ทั้งตัว เปลี่ยนอะไหล่ชิ้นใหม่ เปลี่ยนวิธีการประกอบเครื่องใหม่ เปลี่ยนค่าจำกัดใดๆในเครื่องยนต์ใหม่
หรือง่ายๆ ก็ ใส่ใจในรายละเอียดสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะ รายละเอียด ที่ชอบลืมๆ กันนั่นแหล่ะ
แล้วผลที่ได้คืออะไร เครื่องยนต์ยนต์ทั้งระบบ ที่เปลี่ยนเข้า มีแค่ คาร์บูเรเตอร์ เสื้อสูบตัวใหม่ ใบหรีด แค่นั้น
นอกนั้น ท่อ ระบบจุดระเบิด อื่นๆ เหมือนเดิม
อ่อ ลูกเล็กกว่าเดิมด้วยนะ จาก 58 มิล เหลือ 56 (ลูกเดิมไซส์ 1.00)
ผมไม่รู้แหล่ะ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่ที่แน่ๆ แดกน้ำมันมากกว่าเดิม
ตอนงานโบนันซ่า ผมใช้คาร์บู เอ็นตากลม 26 มิล นมหนู ราวๆ 132 ไม่เกินนั้น
ตอนนี้ เคเหลี่ยม 30 มิล (ติดรถ SE92) นมหนู เกิน 152 และมีทีท่าว่า เหมือนจะไม่พอเสียด้วย
กรณีศึกษาสำคัญ อีกอย่างคือ เคเหลี่ยมลูกล่าสุด ที่ใส่นั้น แทบ ไม่ต้องทำอะไรเลย งงไหมครับ ใส่ปุ๊บก็ดูดไหวปั๊บ แทบไม่ต้องปรับก็วิ่งได้ดี
มันก็เลยมีคำถามกลับมาหาตัวเองว่า ก่อนหน้านี้ผม ทำอะไรอยู่ ทำแต่เสื้อ ท่อนล่างไม่ทำ จูนแล้ว แก้แล้ว รถไม่วิ่ง วิ่งไม่ดี ทุกอย่างดูไม่สัมพันธ์กัน
ผมบอกได้ราวๆ นี้แหล่ะ ส่วนใครจะได้อะไรมากน้อย ก็อยู่ที่พื้นฐานของท่านแหล่ะครับ จะเอาไปประยุกต์ต่ออย่างไร ก็ สุดแต่ใจจะใฝ่ฟ้า ฮาาาาา
โหน่งครับ
ก็เห็นด้วยกับท่าน ความรู้ที่ได้จากการปฏิบัติ ได้จากการทดลองก็ทำให้เรากระจ่างขึ้นสามารถต่อยอดได้อย่างเริอหรู ท่านก็เป็นคนหนึ่งที่มีประสบการณ์มากผมนับถือครับ ผมเองก็อยากหาประสบการณ์ใส่ตัวเองให้มากๆแต่ด้วยข้อจำกัดที่มีภาระต้องจัดการมากมาย การที่จะหาเวลาให้ตัวเองจึงน้อยมาก บางทีวางแผนการทำไว้ซะหรู กำลังทำพอรื้อเครื่องยังไม่ทันไปถึงไหน บ้นโน้นก็เรียกไป จบบ้านโน้นบ้านนี้ก็เรียกต่อ ตามด้วยบ้านนั้นอีก พอดีเรื่องเราจบเลย ครับต่อไม่ติด ท่านใดอยากมีความสุขอย่ามีบ้านเยอะเชียวนะครับ(เอ..แล้วมันเกี่ยวกันมั๊ยเนี่ย)
อั๊ยหย่ะ คนหลายบ้าน ฮา าาา แซวนะครับแซว
ท่านกำลังเข้าใจผมผิดนิดนึงครับ เรื่องปริมาณของประสบการณ์ จริงๆแล้วผมไม่ได้มีประสบการณ์ตรงมากมายขนาดนั้นครับ ผมแค่บังเอิญได้เรียนรู้จากประสบการณ์ของอาจารย์ผมมากกว่าครับ และบังเอิญว่าแก บอกเล่าแบบไม่ปิดบัง หน่ะครับ
ก็เลยรู้สึกว่า ก้าวกระโดด ได้มากกว่าเดิม คนสอนผมแกใช้เวลาเกือบ 20 ปี แหน่ะ แล้วแกก็สรุปและถ่ายทอด ออกมา
แต่ข้อเสียของผมคือ ทางนี้ยังไม่มีรถวิ่ง ออกเป็นรูปธรรม จับต้องได้ซักคัน ซึ่งมันเป็นเหตุผลที่เพียงพอแล้วครับ ที่จะไม่ค่อยจะมีคนเชื่อสิ่งที่เอ่ยไป แต่ก็ช่างมันเหอะ ชินละ ไม่ต้องเชื่อก้ได้ แค่เอากลับไปพิจารณากันเอา
ผมเคยมีคำถามนึง ถามแกตอนผมเมา แกตอบกลับว่า "ตั้งแต่แกทำรถมา เพิ่งจะมีคนถามคำถามนี้แหล่ะ" แต่เชื่อเหอะพูดไปก็ว่า เพ้อเจ้อ
เผ่น นนน
โหน่งครับ
ขอบคุณสำหรับความรู้คับ ต่อไปไม่ต้องง้อช่างและ
ต่อไปจะได้มีหลักการจูนซักทีมั่วมานาน,,,,,,,,ขอบคุณครับ