ปกติแล้วเวลา จูนน้ำมัน เราก็จะมาเปิดหัวเทียนเพื่อดูว่า มันหนา บาง พอดี ใช่ไหมครับ
วันนี้ผมลองจูนไปเปิดดูไป พบว่ารถมีอาการหนา ( ใช้หัวเทียนเบอร์ 8 ) เลยลองเปลี่ยน
เอาหัวเทียนเบอร์ 6 ใส่เข้าไป มาเปิดดู พบว่าแห้งมาก แต่อาการรถเสียงแหบๆดุๆหน่อย
ทั้งที่ไม่ได้หมุนเข็มสกรูอากาศเลย แสดงว่า ไฟที่วิ่งไปๆมาๆที่เขี้ยวหัวเทียน ส่งผลโดยตรง
กับอาการหนาหรือบางเลยใช่ไหมครับ ผมเคยอ่านในกระทู้ DIY เคยมีคนแนะนำให้ลองตัดเขี้ยว
หัวเทียนออก เพื่อให้้ไฟโดดเป็นเส้นโค้งๆ ผมก็ลองทำดู พอใส่เข้าไปจากอาการพอดี กลายเป็นบางไป
แบบนี้หากเราเปลี่ยนหัวเทียนทีนึงก็ต้องจูนใหม่ทุกครั้งใช่ไหมครับ
หัวเทียน ngk เบอร์ยิ่งน้อยยิ่งร้อนไม่ใช่หรือครับ ยิ่งร้อนก็ยิ่งเผาไหม้ มันก็ต้องแห้งมากกว่าเดิมแน่นอนครับ
เรื่องดัดเขียวหัวเทียน รถธรรมดามาตรฐานผมว่าไม่ต่างกันเลยนะครับ ส่วนใหญ่ไม่มีใครดัดกันหลอกครับ แกะกล่องแล้วใส่เลย
ส่วนรถแต่ง ก้ใช้หัวเทียนราคาแพง เขาคงไม่มาดัดแน่นอน
หัวเทียนเป็นตัวบ่งบอกหรือบ่งชี้ครับ คือถ้าใช้หัวเทียนเดิมหนะ เดิมหนาหัวเทียนดำ ปรับคาร์บูแล้วน้ำตาลขึ้นก็แปลว่าบางลงจากเดิม
ถ้าเปลี่ยนหัวเทียนคนละเบอร์นี้ไม่นับนะเพราะน้ำมันก็เท่าเดิม หัวเทียนร้อนน้ำมันที่เกาะหัวเทียนก็ระเหยหมดเพราะตรงเหล็กหัวเทียนกับแกนเซรามิกมันร้อน มันเลยดูเหมือนบางครับเพราะออกขาวๆแห้งๆ ทั้งๆที่น้ำมันต่ออากาศอาจจะเยอะแล้วก็ได้ 13:1 แล้ว แค่มันไม่ไปเกาะหัวเทียนอะเพราะหัวเทียนร้อนมาก
เรื่องปรับน้ำมันหนาบางนี้ก็ว่ายากเหมือนกันจริงๆต้องเอาอากาศเสียมาวิเคราะห์เลยมั้ง แต่ถ้าบางเกินไปนี้ขี่ไปนานๆ หัวเทียนมันกร่อน เขียวสึกด้วยมั้ง
ตัวอย่างรถผมขี่เกียร์ 6 รอบ10000 แช่สิบกิโล เปิดหัวเทียนดูบางสุดๆ หัวเทียนซะขาวเลย ตอนขี่ช้าๆเกียร์4-5 หัวเทียนนี้ดำปึดเลย ก็งงกับมันเหมือนกันครับ เหมือนรอบสูงๆมันจ่ายน้ำมัีนไม่พอไงไม่รู้ รอบต้นก็ดันหนามากๆอีก คาร์บูก็งี้แหละมันปรับยากเหมือนกัน
สำหรับผมไม่พิถีพิถันกับเรื่องหัวเทียนซักเท่าไร ขอให้มันมีขนาดและความยาวเท่ากันเป็นใช้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ ซึ่งส่วนมากก็ได้หัวเทียนที่ปลดระวางมาจากรถยนต์นั่นแหละ ใช้ไม่ทันซะอีกครั้นจะทิ้งก็เสียดายเพราะมันยังดูดีอยู่ และมันก็ใช้ได้นานนะเป็นปีๆเลยละ ส่วนเรื่องการเช็คสีหัวเทียนตามทฤษฎีที่บ่งบอกว่าน้ำมันหนาหรือบางนั้นผมไม่ซีเรียสกับมัน เพราะมัมยังมีองค์ประกอบอื่นๆที่เป็นตัวแปรอีก ขอเพียงเครื่องยนต์ติดง่าย เดินราบรื่น มีกำลัง และประหยัดน้ำมัน ผมก็โอเค.แล้วครับ
อ้างจาก: geenee เมื่อ มีนาคม 23, 2014, 10:14:48 หลังเที่ยง
หัวเทียนเป็นตัวบ่งบอกหรือบ่งชี้ครับ คือถ้าใช้หัวเทียนเดิมหนะ เดิมหนาหัวเทียนดำ ปรับคาร์บูแล้วน้ำตาลขึ้นก็แปลว่าบางลงจากเดิม
ถ้าเปลี่ยนหัวเทียนคนละเบอร์นี้ไม่นับนะเพราะน้ำมันก็เท่าเดิม หัวเทียนร้อนน้ำมันที่เกาะหัวเทียนก็ระเหยหมดเพราะตรงเหล็กหัวเทียนกับแกนเซรามิกมันร้อน มันเลยดูเหมือนบางครับเพราะออกขาวๆแห้งๆ ทั้งๆที่น้ำมันต่ออากาศอาจจะเยอะแล้วก็ได้ 13:1 แล้ว แค่มันไม่ไปเกาะหัวเทียนอะเพราะหัวเทียนร้อนมาก
เรื่องปรับน้ำมันหนาบางนี้ก็ว่ายากเหมือนกันจริงๆต้องเอาอากาศเสียมาวิเคราะห์เลยมั้ง แต่ถ้าบางเกินไปนี้ขี่ไปนานๆ หัวเทียนมันกร่อน เขียวสึกด้วยมั้ง
ตัวอย่างรถผมขี่เกียร์ 6 รอบ10000 แช่สิบกิโล เปิดหัวเทียนดูบางสุดๆ หัวเทียนซะขาวเลย ตอนขี่ช้าๆเกียร์4-5 หัวเทียนนี้ดำปึดเลย ก็งงกับมันเหมือนกันครับ เหมือนรอบสูงๆมันจ่ายน้ำมัีนไม่พอไงไม่รู้ รอบต้นก็ดันหนามากๆอีก คาร์บูก็งี้แหละมันปรับยากเหมือนกัน
นั่นแหละครับ ผมก็เลยไม่แน่ใจ เพราะขับสักไม่เกิน 6-7000 รอบ เปิดดูมันก็พอมีคราบนิดๆ
พอลากสัก 10000 แห้งผากเลย ทำซะตกอกตกใจ กลัวเครื่องพัง
อ้างจาก: aoaaued เมื่อ มีนาคม 23, 2014, 11:04:11 หลังเที่ยง
สำหรับผมไม่พิถีพิถันกับเรื่องหัวเทียนซักเท่าไร ขอให้มันมีขนาดและความยาวเท่ากันเป็นใช้ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะ ซึ่งส่วนมากก็ได้หัวเทียนที่ปลดระวางมาจากรถยนต์นั่นแหละ ใช้ไม่ทันซะอีกครั้นจะทิ้งก็เสียดายเพราะมันยังดูดีอยู่ และมันก็ใช้ได้นานนะเป็นปีๆเลยละ ส่วนเรื่องการเช็คสีหัวเทียนตามทฤษฎีที่บ่งบอกว่าน้ำมันหนาหรือบางนั้นผมไม่ซีเรียสกับมัน เพราะมัมยังมีองค์ประกอบอื่นๆที่เป็นตัวแปรอีก ขอเพียงเครื่องยนต์ติดง่าย เดินราบรื่น มีกำลัง และประหยัดน้ำมัน ผมก็โอเค.แล้วครับ
ขอบคุณครับพี่ ผมว่าจะเลิกยุ่งกะเครื่องและ ยิ่งอยากให้มันสมบูรณ์มาก ยิ่งปวดหัว เอาอย่างพี่ว่าดีกว่า
สตาร์ทติด ขี่ได้ ไม่ดับ ไม่รั่ว ไม่ซึม ไม่โดนรถซาเล้งแซง ก็พอและครับ อิอิ
อยากปลายลงพอก็หาคาบูที่มีเจ้ทปลายมาใส่